ตอนที่ 14 สวมรอย
เป็นธรรมดาว่าคนจีบกันใหม่ ๆ
ก็ต้องอยากให้ของขวัญแก่กัน
เพื่อสานสัมพันธ์อันดีหรือเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน
ทุกอย่างมันก็ต้องเป็นไปตามครรลองของมันล่ะนะ จะบอกว่ามันล้าสมัยก็คงไมใช่ เพราะสมัยนี้คนจีบกันเขาก็ยังหาของขวัญให้กันอยู่เลย เราอย่าหนีความจริงสิ ใช่ป่ะ
งานเขียนทำนองนี้คนอ่านบางคนบอกว่าเอียน โดยเฉพาะผู้ชายคงหาคนเข้ามาอ่านยาก
แต่อย่าลืมว่าในชีวิตจริงต่อให้คุณแน่แค่ไหน
เวลาจะจีบสาวมันก็หนีไม่พ้นเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว บางทีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในนิยายอาจจะเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้นะ ^^
หลังจากจีบกันมาแล้ว ก็ต้องสร้างมุขให้พระเอกนางเอกบ้าง ไม่งั้นมันจะน่าเบื่อเกินไป และอาจจะช่วยเสริมความน่ารักให้พระเอกกับนางเอกได้ด้วย แต่ต้องคอยระวังว่าอย่าให้มันล้นจนเกินไป ถึงแม้ชีวิตจริงมันจะโลดโผนขนาดไหน แต่นี่คุณกำลังเขียนนิยายนะคะ ต้องตระหนักในเรื่องของกลุ่มเป้าหมายด้วยค่ะ
ตอนที่ 15 ระบายความในใจ
การที่มีบทให้พระเอกกับนางเอกได้พูดคุยกันหรือปรับทัศนคติกันบ้าง
จะช่วยให้การเขียนดำเนินต่อไปในทิศทางที่เราต้องการได้ค่ะ
ไม่ใช่ทั้งเรื่องก็เอาแต่กัดกัน จิกกัน
ตบกัน ตีกัน แค้นกัน
โกรธกันไม่รู้หน่าย
สุดท้ายมาบอกว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะฉันรักเธอ
โอ้โฮ ในชีวิตจริงเนี่ยเป็นใครมันจะไปทนรับอารมณ์ไหวคะ รักซาดิสม์ซะขนาดนั้น ในชีวิตจริงเค้ามีแต่หนีค่ะ
แต่สิ่งที่จะทำให้คนรักกันได้มันก็ต้องมีเรื่องราวให้พูดคุยกันปรับความเข้าใจกันบ้าง
เพื่อดูทัศนะของแต่ละคนว่าจะไปด้วยกันได้ไหม
มีจุดไหนในบุคลิกของตัวละครที่สอดคล้องหรือไปในทิศทางเดียวกันได้บ้าง ก็ต้องหาจุดเชื่อมหรือจุดเสริมให้เขาล่ะค่ะ
แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องแรง ๆ แบบนั้นจะมีไม่ได้นะคะ มีได้ค่ะ
แต่ถึงจุดที่ต้องพลิกให้ตัวละครเข้าใจกันก็ต้องพลิกล่ะค่ะ และมีช่วงเวลาให้พวกเขาเชื่อมสายใยใจกันบ้าง คงไม่ใช่ดำเนินเรื่องจิก ๆ กัด ๆ
ตบ ๆ โกรธแค้นกันตลอดเรื่อง พระเอกมีพฤติกรรมไปทางหนึ่ง นางเอกมีพฤติกรรมไปอีกทางหนึ่ง แล้วอยู่
ๆ มาบอกว่าที่ทำไปเพราะฉันรักเธอ
อาจจะไม่ก่อให้เกิดการเชื่อมต่ออารมณ์ระหว่างคนอ่านกับตัวละครเท่าที่ควร อย่างน้อยมันก็ต้องมีเหตุการณ์พลิกผันทำให้คู่กัดกลายมาเป็นคู่รักกันได้ และมีเวลาบ่มเพาะความรู้สึกกันบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวคนอ่านจะไม่ฟิน (ศัพท์อะไรของเธอเนี่ย)
อ่านต่อตอนที่ 15