วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2565
ภูมิใจที่ได้แบ่งปัน
วันนี้ไปตลาดมาค่ะ ซื้อข้าวของเครื่องใช้และของสดมาหลายอย่าง เมื่อกลับมาถึงบ้านกำลังเก็บข้าวของเข้าบ้าน มีรถจักรยานยนต์ส่งอาหารเจ้าหนึ่ง จอดอยู่ที่หน้ารั้วบ้านฝั่งตรงกันข้าม ฉันเดินลงไปเก็บของหลายรอบก็ยังเห็นเขาจอดรถอยู่ตรงนั้น จึงเดินไปถามที่ข้างประตูรั้วว่าบ้านนั้นไม่มีคนอยู่เหรอ เขาตอบกลับมาว่าส่งของเรียบร้อยแล้วครับ
ฉันจึงหันมาเก็บข้าวของต่อ แต่ให้นึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันซื้อน้ำเต้าหู้งาดำมาสามถุง ให้นึกสงสารคนที่ต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ส่งของ คงจะทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งหิว จึงนำน้ำเต้าหู้งาดำเดินไปที่ประตูรั้ว ยื่นถุงข้ามรั้วออกไปพร้อมกับบอกพนักงานส่งของคนนั้นว่า
"น้องคะพี่ซื้อน้ำเต้าหู้งาดำมาหลายถุง พี่ให้น้องถุงหนึ่ง"
พนักงานคนนั้นทำหน้างงในตอนแรกเหมือนไม่แน่ใจ แต่พอฟังจบเขาก็เดินยิ้มเข้ามารับถุงน้ำเต้าหู้งาดำ พร้อมกับขอบคุณและยกมือไหว้ ฉันจึงพูดย้ำอีกทีว่า
"พี่เป็นตาเอ็นดูน้องจัง พอดีพี่ซื้อน้ำเต้าหู้งาดำมาหลายถุง เราแบ่งปันกันนะ"
พนักงานคนนั้นยิ้มเห็นฟันขาวสามสิบสองซี่ สีหน้าเขาทั้งแปลกใจทั้งยินดีระคนกัน คงไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้พบเจอเซอร์ไพรส์จากคนที่ไม่เคยรู้จัก หลังจากนั้นฉันก็เก็บข้าวของต่อ เมื่อลงมาจากบ้านอีกครั้งก็ไม่เห็นรถจักรยานยนต์คันนั้นจอดอยู่ที่ฝั่งตรงกันข้ามแล้ว
ในความรู้สึกส่วนตัวฉันก็เห็นใจพนักงานส่งของทุกคนนั่นล่ะค่ะ แต่วันนี้บังเอิญฉันซื้อข้าวของมาหลายอย่าง อะไรที่พอแบ่งปันได้ก็อยากแบ่งปันให้คนทำมาหากินสุจริตมีกำลังใจทำงานต่อไป สู้เพื่อตนเอง สู้เพื่อครอบครัว หรือสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากสังคมราคาแพง ก็ขอให้คนที่ทำงานสุจริตทุกคนโชคดีมีชัยและเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ฉันไม่ได้คิดว่าฉันทำบุญนะ เพราะฉันไม่ได้บ้าบุญ แต่ฉันรู้สึกภูมิใจที่ฉันได้แบ่งปัน แม้จะเป็นสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ให้กับคนไม่เคยรู้จัก เมื่อฉันเต็มใจให้และมีคนเต็มใจรับ ฉันจึงรู้สึกภูมิใจกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ทำในวันนี้ ฉันจึงอยากแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้ทุกคนได้รู้และภูมิใจไปด้วยกัน
ฉันเคยทำอย่างนี้มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยนำมาบอกเล่าที่ไหน วันนี้ได้ฤกษ์ดีมีที่บ่นจึงได้นำประสบการณ์ดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังว่าฉันเคยแบ่งปันอะไรให้ใครบ้าง แต่ละครั้งที่ทำไปก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เพียงแต่เราอยู่ในสถานการณ์นั้นพอดี แล้วความคิดมันก็แวบขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วน คิดได้ตรงนั้นทำตรงนั้นทันที ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะให้กับทุกคนที่เราผ่านไปพบเจอ ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยที่เข้ามากระทบกับอายาตนะของเราด้วย
อืม จะมีใครคิดเหมือนฉันบ้างไหมนะ ถ้าในทุกวันทุกคนในสังคม ไม่ว่าสังคมเมืองหรือสังคมชนบท คอยหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้กัน คอยช่วยเหลือและแบ่งปันให้กันวันละเล็กละน้อย ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมใดก็คงจะได้เห็นรอยยิ้มประหลาดใจอยู่เสมอ ใครที่พอจะแบ่งปันได้ก็ลองทำดูนะคะ แล้วคุณจะรู้สึกทึ่งในรอยยิ้มของพวกเขา
อธิบายเพิ่มเติมให้อีกนิดหนึ่ง เผื่อคนรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักคำว่า อายตนะ อันนี้คัดลอกมาจากวิกิพีเดียนะคะ
อายตนะ (อ่านว่า อายะตะนะ) แปลว่า ที่เชื่อมต่อ, เครื่องติดต่อ หมายถึงสิ่งที่เป็นสื่อสำหรับติดต่อกัน ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้น แบ่งเป็น 2 อย่างคือ
- อายตนะภายใน หมายถึงสื่อเชื่อมต่อที่อยู่ในตัวคน บ้างเรียกว่า อินทรีย์ 6 มี 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้งหมดนี้เป็นที่เชื่อมต่อกับอายตนะภายนอก
- อายตนะภายนอก หมายถึงสื่อเชื่อมต่อที่อยู่นอกตัวคน บ้างเรียกว่า อารมณ์ 6 มี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกายได้แก่อาการและอารมณ์) ธรรมารมณ์(สัมผัสทางใจก่อให้เกิด รู้สึก นึก คิด) ทั้งหมดนี้เป็นคู่กับอายตนภายใน เช่น รูปคู่กับตา หูคู่กับเสียง เป็นต้น