แบนเนอร์ยาว

แบนเนอร์ยาว
อีบุ๊กนิยายเรื่อง เพชรน้ำหนึ่ง โดย นวจันทร์ มีทั้งหมด 3 เล่ม โดยเล่ม 1 เปิดให้อ่านฟรี สำหรับเล่ม 3 แถมบทส่งท้ายอีก 6 บท ซึ่งไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อน เพชรน้ำหนึ่งเป็นนิยายรักโรแมนติก มีครบทุกรส สุข เศร้า สนุกสนาน บู๊ มัน ฮา อ่านเพลินชวนติดตามตลอดเรื่อง คลิกเลย

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568

มะละกอดื้อ

 


มะละกอพันธุ์เรดเลดี้ที่บังเอิญโตขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจปลูก เมื่อวันเวลาผ่านไปนานนับปีกลับให้ผลผลิตที่แสนหวาน พันธุ์นี้ไม่เคยปลูกมาก่อนเลย วันหนึ่งซื้อมะละกอพันธุ์เรดเลดี้มาจากตลาด หลังจากกินเนื้อแล้วก็เอาเปลือกและเมล็ดไปทิ้งในเข่ง หวังให้เป็นปุ๋ยหมักบำรุงต้นไม้ แต่มันกลับแอบงอกขึ้นมาเป็นต้น ถอนทิ้งไปหลายต้นแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่สองต้นที่จะโตให้ได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ในใจก็คิดอยู่ตลอดว่าคงไม่รอด ไม่มีลูกให้กินหรอก เพราะไม่ได้ตั้งใจปลูก แล้วยังมาขึ้นอยู่ในเข่งถึงอย่างไรก็คงไม่โตแน่นอน



แต่พอเห็นมันไม่ตาย แอดมินก็เอาน้ำซาวข้าวไปรดให้ เอาเศษอาหารไปใส่ให้เอาดินกลบขึ้นมาเป็นชั้น ๆ บางวันก็เอาน้ำที่ล้างถุงน้ำตาลปีบไปเทใส่ เอาเกลือไปให้บ้าง หรือบางทีก็เป็นไข่ไก่ผสมน้ำไปรดราด โอ้โฮ มันออกลูกจริงนั่นแหละ ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่เนื้อแน่นมาก ไม่มีเมล็ด พอสุกกลับหวานหอมรสชาติดีมาก รสชาติดีกว่าที่ซื้อมาจากตลาดอีก ไม่คาดคิดว่ามันจะให้ผลดีเยี่ยมถึงขนาดนี้ ทำให้วันนี้มีมะละกอสุกกินสมใจ ที่สำคัญเราปลูกเองกับมือถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที

มะละกอดื้อ

นอกจากได้มะละกอสุกรสชาติหอมหวานแล้ว ผลดิบยังเอามาใส่แกงส้ม แอดมินไม่ได้กินแกงส้มมานานแล้ว พอได้มะละกอดิบที่เด็ดจากต้นมาใส่แกงส้ม โอ๊ย ไม่อยากจะเซด มันเป็นแกงส้มที่กลมกล่อมที่สุด ได้ทั้งรสเปรี้ยวเค็มหวาน และหวานหอมจากเนื้อมะละกอสด ๆ กินแล้วสุขไปถึงหัวใจ อะไรมันจะอร่อยปานนั้น 


นอกจากเอาผลดิบไปใส่แกงส้มแล้ว แอดมินยังเอาไปต้มกินกับน้ำพริกอ่องปลาทูนา ขอบอกว่าน้ำต้มมะละกอหวานมาก หวานทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล มันหวานจริง ๆ นะไม่ได้โม้ ยังนึกว่าน่าจะใส่น้ำเยอะ ๆ จะได้ทำเป็นน้ำชามะละกอไว้ดื่ม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกินน้ำต้มมะละกอดิบหวานหอมขนาดนี้มาก่อนเลย ผลไม้สด ๆ เด็ดจากต้นมันหอมหวานอย่างนี้เอง ทั้งปลอดภัยไร้สารพิษและรสชาติดีมาก 


เอาไว้วันหลังแอดมินจะมาสอนทำน้ำพริกอ่องปลาทูนาที่ง่ายที่สุดในสามโลก ง่ายกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว ใครชอบอาหารที่เรียบง่าย รอติดตามกันนะคะ ก่อนจากกันขออวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุขทุกวัน แม้เจออุปสรรคก็ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดี มีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ แคล้วคลาดปลอดภัยกันทุกคน แล้วพบกันใหม่ค่ะ 

เรียบเรียงข้อมูลโดย นวจันทร์

อ่านเรื่องอื่นได้ในนวจันทร์ Cafe

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ดอกเข็มดอกไม้แห่งปัญญา



สวัสดีค่ะ วันนี้มีดอกไม้มาฝากค่ะ ห่างหายกันไปนานนิดหนึ่งนะคะ แต่คิดถึงทุกคนเสมอค่ะ ที่หายไปก็เพราะกำลังเตรียมนิยายเรื่องใหม่สำหรับทุกคนค่ะ ติดตามนิยายเรื่องใหม่ ๆ ของนวจันทร์ กัลยณัฎฐ์ และหทัยพัชร์ ได้ที่ Mebmartket



ดอกเข็มอัญมณีแห่งสวนไทยที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและปัญญา

เมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณเบาๆ ส่องผ่านใบไผ่ไปกระทบดอกเข็มที่เบ่งบานเต็มช่อ สีแดงอำพันที่เปล่งประกายราวกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็จะส่องประกายขึ้นด้วยความงดงาม ชวนให้นึกถึงอัญมณีล้ำค่าที่ธรรมชาติบันดาลมาประดับสวนไทยให้สวยสดใส 


เรื่องเล่าของดอกไม้แห่งปัญญา 

ในตำนานที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล บรรพบุรุษของเราเชื่อว่าดอกเข็มไม่เพียงแต่เป็นดอกไม้ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็น "ดอกไม้แห่งปัญญา" ที่สามารถเสริมสร้างสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดแก่ผู้ที่เคารพบูชา เล่ากันว่า ในสมัยโบราณ นักปราชญ์มักจะปลูกดอกเข็มไว้รอบ ๆ สถานที่ศึกษา เพราะเชื่อว่าสีแดงแสดของดอกเข็มเปรียบเสมือนแสงแห่งปัญญาที่ส่องสว่างในความมืดมิด ช่วยให้จิตใจผ่องใสและความคิดไหลลื่น


ความเชื่อในการเรียนรู้ 

คนไทยโบราณเชื่อว่า หากเด็กนักเรียนได้นั่งอ่านหนังสือใต้ร่มเงาของต้นเข็มที่กำลังออกดอกบาน จิตใจจะสงบนิ่ง ความจำจะแม่นยำ และสามารถรับรู้บทเรียนได้อย่างลึกซึ้ง บางครั้งครูอาจารย์จะให้ลูกศิษย์ถือดอกเข็มไปด้วยเวลาสอบ เพื่อให้ปัญญาเฉียบแหลมและตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง 


ดอกไม้แห่งความรักอันแน่นแฟ้น 

นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญาแล้ว ดอกเข็มยังเป็นที่รู้จักในฐานะ "ดอกไม้แห่งความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง" เพราะดอกเข็มสามารถคงความสดใสและไม่เหี่ยวแห้งได้นานกว่าดอกไม้อื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ คู่รักในสมัยก่อนจึงมักใช้ดอกเข็มเป็นของขวัญแทนใจ เพื่อสื่อความหมายว่าความรักของพวกเขาจะคงอยู่ดุจดังดอกเข็มที่ไม่เสื่อมคลาย แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด 



เกราะป้องกันแห่งพิทักษ์คุ้มครอง

ในความเชื่อที่ลึกซึ้งของบรรพบุรุษ ดอกเข็มถือเป็น "ดอกไม้นักรบ" ที่มีพลังอำนาจในการขับไล่สิ่งชั่วร้าย คนไทยจึงนิยมปลูกต้นเข็มเป็นแนวรั้วธรรมชาติรอบบ้าน เชื่อว่าจะเป็นเสมือนกำแพงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องครอบครัวจากอันตรายทั้งปวง สีแดงเข้มของดอกเข็มเปรียบเสมือนไฟศักดิ์สิทธิ์ที่เผาผลาญความทุกข์โศกและสิ่งอัปมงคลให้หมดสิ้น ทำให้บ้านเรือนมีแต่ความเป็นสิริมงคล 


สัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง 

เมื่อดอกเข็มเบ่งบานเป็นช่อใหญ่สีแดงสด คนไทยเชื่อว่าเป็นลางดีที่บ้านนั้นจะได้รับความเจริญรุ่งเรือง ทรัพย์สินจะไหลมาเทมา และความสำเร็จจะติดตามมาดุจน้ำไหลเวียนไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้ พ่อค้าและนักธุรกิจในสมัยก่อนจึงมักจะปลูกดอกเข็มไว้หน้าร้าน เพื่อเรียกเอาโชคลาภและลูกค้าให้มาเยือนร้านค้าของตนอย่างไม่ขาดสาย 


ผู้สืบทอดธรรมเนียมประเพณี 

ในงานบุญงานประเพณีไทย ดอกเข็มได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อที่สำคัญ นางรำไทยมักจะประดับดอกเข็มบนผมเพื่อเพิ่มความสวยงาม ขณะที่ในพิธีมงคลสมรส ดอกเข็มจะถูกสานเป็นมาลัยเพื่อให้พรแก่คู่บ่าวสาว นอกจากนี้ ในการทำพิธีถวายพระ ดอกเข็มยังเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ได้รับการยกย่องสูงสุด เพราะสีสันสดใสและความหอมอ่อนๆ ที่ชวนให้จิตใจสงบร่มเย็น


มรดกแห่งความเชื่อในยุคปัจจุบัน 

แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ดอกเข็มยังคงเป็นดอกไม้ที่คนไทยให้ความเคารพและนับถือ ไม่เพียงแต่เพราะความงดงามที่เห็นได้ด้วยตา แต่ยังเพราะความหมายลึกซึ้งที่สั่งสมมาตั้งแต่บรรพกาล 

วันนี้ เมื่อเราได้เดินผ่านดอกเข็มที่กำลังเบ่งบานอย่างสวยงาม จงหยุดแวะชื่นชมและระลึกถึงคุณค่าอันลึกล้ำที่บรรพบุรุษได้ฝากฟ้าไว้ เพราะในดอกไม้เล็ก ๆ นี้ ได้บรรจุไว้ซึ่งปัญญา ความรัก การปกป้อง และความเจริญรุ่งเรือง ที่เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของชีวิต 

ดอกเข็มจึงไม่เพียงแค่เป็นไม้ดอกไม้ประดับ แต่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงใจเราไปสู่รากเหง้าแห่งภูมิปัญญาไทย และเป็นเครื่องเตือนใจให้เราระลึกถึงความงดงามของชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวังและความเชื่อที่ดีงาม

เรียบเรียงข้อมูลโดย นวจันทร์